อักษรวิ่ง

วัยรุ่น วัยใส ผิวสุขภาพดี

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับผิวหน้า

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับผิวหน้า

แน่นอนว่าก่อนที่เราจะเริ่มดูแลผิวหน้า จะต้องรู้จักผิวของเราเสียก่อน เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวนั่นเอง
  1. ก่อนจะบำรุงผิว ต้องรู้จักสภาพผิวหน้าของตัวเองก่อน
ผิวหน้าของเรานั้น มีการแบ่งประเภทเอาไว้ 4 ประเภท ดังนี้
  • ผิวธรรมดา
ต้องบอกเลยว่าใครที่มีผิวธรรมดานั้นโชคดีมาก ๆ ผิวธรรมดาจะมีลักษณะที่ไม่มันจนเกินไป และไม่แห้งจนเกินไป เป็นผิวที่มีสมดุลมากที่สุด มีรูขุมขนที่เล็ก ผิวนุ่มและเรียบเนียน และปราศจากสิว
  • ผิวแห้ง
ผิวแห้ง คือผิวที่ขาดความมันบนใบหน้ามากกว่าปกติ และกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื่นให้กับผิว จึงทำให้ผิวแห้ง ขาดการป้องกันจากผิว ทำให้ดูหยาบกร้านและหมองคล้ำ เห็นรอยแตกของผิวชัดเจน ผิวด้าน ลอกเป็นขุย และมักมีอาการคันอยู่บ่อย ๆ  ซึ่งในบางครั้งนั้นผิวแห้งอาจเกิดได้ทั้งจากการสูญเสียน้ำหรือเหงื่อในผิว หรือไขมันในชั้นผิว
  • ผิวมัน
ผิวมัน สังเกตได้ง่ายเลยว่าจะมีน้ำมันผลิตบนผิวหน้ามากกว่าปกติ และมักจะมีรูขุมขนกว้าง หน้าจึงมักจะมันง่าย ทั้งยังเป็นสิวได้ง่ายอีกด้วย โดยเฉพาะสิวอุดตัน เนื่องจากน้ำมันบนใบหน้าจะเข้าดักจับสิ่งสกปรกอย่างเช่นฝุ่นละอองได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น
  • ผิวผสม
ผิวผสมเป็นผิวที่ประกอบด้วยประเภทของผิวที่มากกว่าหนึ่ง เช่น ผิวมันและผิวแห้ง ซึ่งมักจะพบว่าผิวจะมันมากในบริเวณทีโซน (หน้าผากและจมูก)
  1. ค่า pH ผิวคืออะไร ทำไมจึงสำคัญ ?
เรามักจะเห็นคำว่า ค่า pH อยู่บ่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าคืออะไร แล้วทำไมจึงสำคัญ ค่า pH คือ ค่าสมดุลระหว่างความเป็นกรด-ด่างของผิว ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น อุณหภูมิ มลภาวะ และสารเคมี ฯ เปรียบเสมือนค่าที่ควบคุมการป้องกันของผิว โดยค่า pH ที่เหมาะสมนั้น ควรอยู่ที่ตัวเลข 7 หากต่ำกว่าก็ถือเป็นกรด ส่วนค่าที่สูงกว่าก็จะถือเป็นด่างนั่นเอง
      ดังนั้นค่า pH จึงมีความสำคัญในการปกป้องผิวจากการถูกทำลาย  ช่วยรักษาความนุ่ม หากปล่อยให้ผิวมีค่า pH ความเป็นด่างสูง ก็จะทำให้เกราะป้องกันผิวลดลง ส่งผลให้ผิวบอบบางและเกิดอาการแพ้ได้ง่าย
  1. แสงแดดทำร้ายผิว ในขณะเดียวกันก็จำเป็นต่อผิว
เราต่างก็รู้กันดีว่า แสงแดดเปรียบได้กับศัตรูฉกาจที่คอยทำร้ายผิว อย่างไรก็ดี แสงแดดก็มีความจำเป็นต่อผิวเช่นเดียวกัน เนื่องจากร่างกายของเราต้องการวิตามินดี (Vitamin D) ซึ่งช่วยในการดูดซึมของแคลเซียมเพื่อสร้างการป้องกันกระดูกและฟันให้แข็งแรง ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของภาวะโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย โดยควรให้ผิวได้รับวิตามินดีจากแสงแดดที่ไม่ทำร้ายผิวในช่วงเวลา 6 โมงเช้า – 8 โมงเช้า หรือในช่วงหลัง 4 โมงเย็นเป็นต้นไป
  1. ขัดผิวบ่อย ๆ ใช่ว่าจะดี
การขัดผิวเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว และทำให้ใบหน้ากระจ่างใส แต่การขัดผิวก็มีข้อควรระวัง เพราะถ้าหากเราทำการขัดผิวบ่อยเกินไป จะส่งผลให้ผิวบาง แห้งกร้านและขาดความชุ่มชื่น ดังนั้นความถี่ของการขัดผิว จึงอยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น
  1. ท่านอนหน้ายับ ! เลิกได้แล้ว
เข้าใจว่าในบางทีที่เรานอนและอยู่ในช่วงที่ต้องพลิกตัวมันยากที่จะบังคับตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยซะทีเดียว เพราะการนอนคว่ำ หรือนอนตะแคงเป็นเวลานาน ๆ ติดต่อกันหลายชั่วโมง จะทำให้ผิวหน้าเกิดรอยได้ และยังจะส่งผลเสียต่อผิวหน้าอีกด้วย ดังนั้น พยายามบังคับท่านอนของตัวเองให้นอนหงายให้ได้มากที่สุด

ดูแลผิวสวยให้อยู่กับเราไปนาน ๆ ได้อย่างไร ?

  1. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน
          หลายคนไม่กล้าดื่มน้ำเยอะ เพราะกลัวตัวบวมน้ำ ไม่ต้องกังวลไปถ้าดื่มน้ำอย่างถูกวิธี ด้วยการค่อย ๆ จิบที่ละนิดไปตลอดทั้งวัน อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเด็ดขาด และอย่าดื่มน้ำรวดเดียวทีละเยอะ ๆ เพราะจะทำให้ร่างกายเร่งขับน้ำออก เมื่อน้ำในร่างกายถูกขับออกหมด น้ำในร่างกายก็จะเหลือไม่พอที่จะให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ผลก็คือจะทำให้ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื่นและความเต่งตึง
  1. นอนหลับให้เพียงพอ
        เทรนด์อดนอนไม่ควรนำมาใช้เด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้สุขภาพแย่แล้ว ยังทำร้ายผิวอีกด้วย ซึ่งในขณะที่เรากำลังนอนหลับอยู่นั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเพื่อทำการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ไม่เว้นแม้กระทั่งผิว ลองสังเกตดูก็ได้ว่าระหว่างคืนที่นอนเต็มอิ่มเปรียบเทียบกับคืนที่นอนไม่อิ่ม แบบไหนที่ทำให้ผิวหน้าของเราเด้งกว่ากัน
  1. เติมอาหารให้ผิวด้วยครีมบำรุง
         ไม่จำกัดเฉพาะแค่ครีมเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวหน้าแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น เช่น โลชั่น เซรั่ม หรืออิมัลชั่น (Emulsion) สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเลือกผลิตภัณฑ์ก็คือ สภาพผิวหน้าของเรา เช่น ผิวธรรมดา ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม เพื่อที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเรา รองลงมาก็คือ รู้ปัญหาผิว เช่น หมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื่น หรือมีริ้วรอย เป็นต้น
  1. มาสก์หน้าเป็นประจำ
          ถึงแม้จะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าในทุก ๆ วันแล้ว ในบางครั้งก็ไม่พอที่จะดูแลผิวของเรา อย่างเช่น ในบางวันที่ต้องการความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าเป็นพิเศษ หรือในวันที่ต้องเผชิญกับแสงแดดหรือมลภาวะจนหน้าหมองคล้ำกว่าทุกวัน มาส์กหน้าจะช่วยจัดการดูแลเรื่องพวกนี้ให้ พร้อมบำรุงผิวไปด้วยในตัว
  1. แม้แต่อากาศก็ยังต้องการน้ำ เติมน้ำให้อากาศบ้าง
         เคยมั้ยที่ผิวแห้งมาก ๆ ทั้งที่อยู่แต่ในบ้านหรือในห้องทั้งวัน นั่นเพราะอากาศที่อยู่รอบตัวเราดูดน้ำไปจากผิวหนังของเรานั่นเอง และยิ่งเฉพาะอยู่แต่ในห้องที่เปิดแต่เครื่องปรับอากาศทั้งวันแล้วด้วย ยิ่งแห้ง ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้อากาศดูดน้ำจากผิวของเราไปแห้งกร้านจนเหี่ยว ก็ให้เอาวางถ้วยใส่น้ำอุ่นชามใหญ่ตั้งไว้ใกล้ ๆ หรือถ้ามีงบหน่อยก็ซื้อเครื่องสร้างความชื้นไปเลยก็ได้ เพราะนอกจากจะทำให้ห้องชื้นไม่แห้งแล้ว ยังสร้างกลิ่นหอม ๆ ซึ่งช่วยให้เราผ่อนคลายได้อีกด้วย
  1. ทานอาหารให้ครบหมู่ และไม่อดอาหาร
              สวยจากภายนอกแล้ว ก็ต้องสวยจากภายในคู่กันไปด้วย เพราะผิวก็ต้องการวิตามินและเกลือแร่เช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แถมยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารและขับถ่ายดีด้วย ซึ่งก็จะส่งผลให้ผิวสวยตามมา นอกจากนี้ไม่ควรที่จะอดอาหาร เพราะจะส่งให้กล้ามเนื้อและผิวหนังไม่กระชับและผิวหย่อนคล้อยตามมาได้ รวมไปถึงอาจส่งผลให้เกิดภาวะการขาดวิตามินที่จำเป็นต่อผิว ซึ่งอาจทำให้เกิดสิ่งผิดปกติกับผิวหนังได้อย่าง ผื่นแดง ผิวตกสะเก็ด เป็นต้น
  1. ออกกำลังกายเป็นประจำ
                การออกกำลังจะช่วยให้ขับเหงื่อออกมา พร้อมกันนั้นก็ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวด้วยจากการกระตุ้นต่อมผลิตไขมัน และทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดี ซึ่งจะส่งผลให้ผิวดูสุขภาพดี และชะลออายุผิวได้อีกด้วย หากเราออกกำลังกายสม่ำเสมอก็จะทำให้ดูหน้าเด็ก ผิวใสจนใครเห็นก็ต้องอิจฉา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับผิวหน้า

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับผิวหน้า แน่นอนว่าก่อนที่เราจะเริ่มดูแลผิวหน้า จะต้องรู้จักผิวของเราเสียก่อน เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผ...